สำนักงานที่ปรึกษากฎหมายและวิศวกรรม  รังสรรค์ วงษ์บุญ
Office of Law and Engineering Consultants
The only thing necessary for the triumph of evil is for good men to do nothing.


การแก้ปัญหาความขัดแย้งในงานก่อสร้าง

001

บทนำ

การมีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นได้เสมอในโครงการก่อสร้างไม่ว่าจะมีการวางแผนมาดีเพียงใดก็ตาม 
ความขัดแย้งจะเกิดขึ้นซ้ำซากและจำเจในทุกๆขั้นตอนของงานก่อสร้างกับเจ้าหน้าที่ทุกๆกลุ่มและทุกระดับที่เกี่ยวข้อง
   ไม่มีใครสามารถวางแผน,
บริหารและควบคุมโครงการก่อสร้างไม่ให้เกิดความขัดแย้งได้
แต่เราสามารถทำให้ความเข้มของความขัดแย้ง ( INTENSITY OF  CONSTRUCTION  CONFLICTS )
ลดน้อยลงไปจนถึงระดับที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสำเร็จของโครงการได้
   ผู้บริหารโครงการก่อสร้างบางคนไม่กล้าเปลี่ยนแปลงปรับปรุงอะไร
เพราะกลัวผลที่จะเกิดตามมาอันเนื่องมาจากความขัดแย้ง
  จึงทำให้แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ หน้าที่หลักอีกประการหนึ่งของ CM  หรือ CONSTRUCTION  MANAGER 
คือนอกจากจะต้องทำหน้าที่เป็นผู้บริหารงานทางด้านเทคนิคแล้วยังจะต้องเป็นผู้บริหารความขัดแย้งที่มีคนเข้ามาเกี่ยวข้องหรือเรียกว่า
  CONFLICT  MANAGER 
ด้วย
  ถ้าแก้ปัญหาความขัดแย้งได้มากไม่มีผลกระทบกลับมาจนถึงกับทำให้งานเสียหาย ก็จะได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้บริหารโครงการก่อสร้างที่ดีเยี่ยม  
 

002

ประเภทของความขัดแย้งที่มักเกิดขึ้นเสมอในโครงการก่อสร้าง

ความขัดแย้งในโครงการก่อสร้างมีหลายอย่าง แต่ที่วิศวกรสนามต้องพบบ่อยและต้องเข้าไปเกี่ยวข้องมีไม่มาก สามารถเรียงตามลำดับความมากน้อยที่เกิดได้ดังนี้  คือ 

  1. ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดระยะเวลา (SCHEDULE)  เช่น  งานนี้จะเริ่มเมื่อใด  จะเสร็จเมื่อใด  จะให้เวลาทำงานกี่วัน  เป็นต้น

  2. การจัดลำดับความสำคัญของงานหรือของโครงการ (PROJECT PRIORITY) เช่น  จะทำงานไหนก่อนหลังจึงจะดีที่สุด

  3. ปัญหาทางด้านบุคคลากร (MANPOWER RESOURCE) เช่น  เมื่อใดต้องการช่างประเภทใดบ้างจำนวนเท่าใด  ระดับฝีมือและค่าจ้างเหมาะสมหรือไม่  จะมีวิธีการ
    ส่งเสริมให้กำลังใจและการลงโทษอย่างไร 

  4. ปัญหาทางด้านเทคนิควิธีการทำงานและทางเลือกเพื่อให้งานมีคุณภาพตามต้องการ (TECHNIC OPINION AND PERFORMANCE TRADE-OFF)  เช่น  การเทปูน
    อาคารสูงควรจะใช้
    PUMP หรือ CRANE 
    จึงจะดีกว่ากัน

  5. รูปแบบหรือวิธีการในการบริหารโครงการ(ADMINISTRATIVE PROCEDURE) เช่น  จะจัดองค์กรอย่างไร  ใครควรขึ้นกับใคร  งานใดควรทำเองหรืองานใดควรจ้างเหมา
    ปัญหาทางด้านบุคคลิกภาพและนิสัยใจคอ(PERSONALITY CLASH)  จัดเป็นปัญหาทางอารมณ์ เช่น  คนรู้สึกไม่ชอบหน้ากันทั้งๆที่ไม่มีเคยมีอะไรทะเลาะกันเลย  
    ความอิจฉาริษยาซึ่งกันและกัน
      การมีความรู้สึกว่าตัวเองดีกว่า เก่งกว่า ผู้อื่น (EGO) 
    ส่วนใหญ่จะเกิดในสำนักงานมากกว่าที่จะเกิดในงานสนาม

  6. ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับราคาค่าก่อสร้าง (COST)  เช่น  ทำไมราคางานหรือวัสดุชิ้นนี้นี้จึงมีราคาสูงกว่าที่ควรจะเป็น  หรือ ว่าราคาที่เป็นจริงควรเป็นเท่าใด

003

ความขัดแย้งในงานก่อสร้างเกิดขึ้นได้เพราะเหตุใด

ความขัดแย้งในงานก่อสร้างส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นได้ด้วยเหตุผล 2 ประการคือ

  1. เนื่องจากผลประโยชน์แอบแฝง และ

  2. ต่างฝ่ายต่างก็ไม่เข้าใจในบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของกันและกัน 

ที่สำคัญคือต่างฝ่ายต่างก็ไม่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่ได้ระบุไว้ใน  JOB  DESCRIPTION  ชอบที่จะใช้เวลาไปตรวจสอบดูงานของคนอื่นๆว่ามีข้อบกพร่อง
อะไรบ้างแทนที่จะดูงานในหน้าที่และความรับผิดชอบของตัวเอง
  นอกจากนี้เมื่อเริ่มตำหนิติเตียนคนอื่นมักจะไม่ตำหนิติเตียนที่งานแต่มักจะตำหนิติเตียนที่คนแทน จึงทำให้
คนที่ทำผิดเกิดความรู้สึกปกป้องตัวเองไม่ยอมรับว่าสิ่งที่ทำนั้นผิด
  ปัญหาทางอารมณ์ก็เกิดขึ้นตามหลังปัญหาทางด้านเทคนิค    ทำให้การแก้ปัญหายากขึ้นกว่าเดิมมาก
เพราะจะมีความรู้สึกว่าเสียหน้าตามมาด้วย
   
ต่างฝ่ายต่างก็จะเอาชนะกันไม่มีใครยอมใคร

004

ตั้งสติเมื่อมีความขัดแย้งเกิดขึ้น

ทุกครั้งเมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตามจะต้องหาคำตอบให้ได้ว่า

  1. จุดประสงค์ของโครงการที่ทำอยู่คืออะไร     ขัดแย้งกับจุดประสงค์ของโครงการอื่นหรือไม่  เช่น  การสร้างเขื่อน กับ การปลูกป่า มีจุดประสงค์ต่างกันจะต้องมี
    ความขัดแย้งแน่นอน  หรือ โครงการที่ประมูลมาได้ต้องการสร้างชื่อเสียง ไม่ต้องการกำไร  ดังนั้น วิธีคิด และ วิธีทำงาน จึงต่างกัน  ไม่ต้องเสียเวลาไปเถียงกัน
    ใครมีหน้าที่อย่างไรก็ทำอย่างนั้นต่อไป

  2. ทำไมจึงเกิดความขัดแย้งขึ้น  เกิดในขั้นตอนใด  เกิดได้อย่างไร  มีพื้นฐานของปัญหาอย่างไร ปัญหาใดเป็นเหตุและเป็นผลของปัญหาใด

  3. ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งชนิดใด

  4. ถ้าความขัดแย้งนี้ยังคงอยู่จะก่อให้เกิดปัญหาอะไรบ้าง  มากน้อยเพียงใด

  5. จะแก้ปัญหาความขัดแย้งนี้ได้อย่างไร

  6. จะมีวิธีการอะไรบ้างหรือไม่ที่จะนำมาใช้สำหรับวิเคราะห์หรือคาดการณ์ล่วงหน้าว่าจะเกิดความขัดแย้งขึ้น

005

หลักการเบื้องต้นในการป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งในงานก่อสร้าง หรือ เกิดขึ้นน้อยที่สุด       

ก่อนที่จะมอบหมายงานใดๆก็ตามให้ใครทำ  ควรคำนึงถึงหลักการกว้างๆ  ดังต่อไปนี้

  1. ต้องระบุให้ชัดเจนว่าจะให้เขาทำอะไร  ทำร่วมกับใคร   เมื่อใด  ใช้เครื่องจักรเครื่องมืออะไรบ้าง ต้องขึ้นตรงกับใคร และมีใครขึ้นตรงบ้าง
  2. คำสั่งต้องชัดเจน เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน
  3. ตรวจสอบวัดความก้าวหน้าของงานที่ทำได้อย่างเป็นรูปธรรม
  4. งานที่ให้ทำต้องมีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ
  5. ใช้ทรัพยากรในการดำเนินการตามที่มีอยู่ หรือ สามารถจัดหามาได้ทั่วไป
  6. ระยะเวลาที่กำหนดให้ทำงานนั้นๆจะต้องยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ ราคา และ คุณภาพ จะต้องเป็นไปตามสัญญาและข้อกำหนด

006

สิ่งต่างๆต่อไปนี้จะก่อให้เกิดความขัดแย้งได้มากในโครงการก่อสร้าง

  1. การตั้งเงื่อนไขในงานก่อสร้างมากเกินไป  หรือ  ต้องการคุณภาพของงานไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง  เช่น  การต้องการให้ริมไหล่ถนนมีความแน่นเท่ากับบริเวณ
    กลางถนน
     
    การกำหนดคุณภาพงานแบบนี้ทำให้เสียเวลาในการทำงานมากและไม่จำเป็นเพราะสภาพการใช้งานจริงๆไม่เป็นเช่นนั้นและจะก่อให้เกิดการโต้แย้งกัน
    ตลอดระยะเวลาในการทำงาน
  2. พิจารณาตัวแปรที่สำคัญในงานก่อสร้างไม่ครบทั้ง 5 ตัวแปร คือ ราคา เวลา คุณภาพ  ความปลอดภัย และ กฎหมายการควบคุมงานก่อสร้าง โดยลืมตัวแปรใด
    ตัวแปรหนึ่งจะมีผลกระทบต่อผลประโยชน์ของคนอื่นๆที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก   เช่น  ทำดินตกหล่นบนพื้นถนน  เป็นการผิดกฎหมาย   เป็นต้น
  3. ช่วงกลางของโครงการก่อสร้างจะมีงานต้องทำมาก   ความขัดแย้งในเรื่องต่างๆก็จะมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
  4. การขัดแย้งกับผู้บริหารระดับสูง  แม้เป็นเรื่องเล็กก็ดูจะเป็นเรื่องใหญ่เพราะจะมีความรู้สึกเสียหน้าตามมาด้วย
  5. ความรู้ความชำนาญของบุคคลากรแตกต่างกันมาก  ถ้าคนที่ทำงานด้วยกันรู้ไม่เท่ากันแต่มีหน้าที่เหมือนกัน จะทำให้ตลอดระยะเวลาในการทำงานจะโต้เถียงกันไป
    ตลอดทาง   ทำให้เสียเวลามากแต่ได้งานน้อย
  6. ผู้บริหารโครงการไม่มีอำนาจให้คุณให้โทษใครได้เลย  จะทำให้ไม่มีใครเกรงกลัว ทำให้ไม่สามารถจะผลักดันโครงการหรือวิธีการก่อสร้างใหม่ๆได้
  7. กำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่ชัดเจน   ไม่รู้ว่าใครมีอำนาจหน้าที่อย่างไร  ใครต้องขึ้นตรงต่อใครหรือต้องประสานงานกับใคร
  8. บุคคลสำคัญของโครงการเสียผลประโยชน์ หรือ เสียหน้า จะทำให้เขาเกิดความรู้สึกต่อต้านในทุกๆเรื่องที่สามารถทำได้   
  9. การประสานงานไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ

007

หลักการกว้างๆในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในงานก่อสร้าง  

จากการวิจัยพบว่าผู้บริหารโครงการก่อสร้างส่วนใหญ่ใช้วิธีการจัดการกับความขัดแย้งในงานก่อสร้าง 5 วิธี คือ

  1. ถอนตัวออกมาจากความขัดแย้งนั้น (WITHDRAWAL) หรือ ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความขัดแย้งส่วนตัวที่ไม่ทำให้งานของส่วนรวมเสียหาย
  2. ทำให้ความขัดแย้งนั้นดูเป็นเรื่องเล็กและสามารถแก้ไขได้ (SMOOTHING)  ไม่ขยายปัญหาหรือขยายความขัดแย้งออกไป แต่จะขยายสิ่งที่เห็นพ้องต้องกันให้เป็นที่
    รับทราบกันโดยทั่วไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆโดยตรง
  3. การประนีประนอม หรือ การเจรจาต่อรอง (COMPROMISING) ซึ่งจะมีได้และมีเสียด้วยกันทั้งสองฝ่าย  ไม่มีผู้ใดแพ้หรือชนะแต่ฝ่ายเดียว ( GIVE - AND - TAKE )
    ไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องเสียหน้า
  4. เผชิญหน้ากับปัญหา หรือ กลุ่มที่มีความขัดแย้งโดยตรง (CONFRONTATION) ใช้เมื่อการประนีประนอมไม่ได้ผล  ฝ่ายหนึ่งยอมเสียอะไรบางอย่าง
    แต่อีกฝ่ายไม่ยอมเสียอะไรเลยจะต้องเรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องทุกๆฝ่ายเพื่อให้พิจารณาปัญหาที่ยังตกลงกันไม่ได้
      
    กรณีนี้จะต้องระมัดระวัง
    การติดต่อสื่อสารกับคนที่อยู่ต่างระดับกันมากเกินไปจะพูดกันไม่รู้เรื่อง
  5. ใช้ตำแหน่งหน้าที่บีบบังคับเอาให้เป็นไปตามความต้องการเพื่อป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งบานปลายออกไปจนควบคุมไม่ได้และจะทำให้งานเสียหาย 
    การแก้ปัญหาโดยวิธีนี้จะมีการแพ้
    -ชนะ กัน (WIN - LOSE  SITUATION)  วิธีนี้ควรใช้เมื่อการประนีประนอมไม่ได้ผลต่างฝ่ายต่างก็เกณฑ์พรรคพวกของตัวมาสู้กัน
    การเลือกวิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งวิธีนี้เป็นการแสดงภาวะผู้นำเต็มตัว

008

คำแนะนำในการเลือกใช้วิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งในงานก่อสร้าง

มีคำแนะนำกว้างๆสำหรับการพิจารณาเลือกใช้วิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งในงานก่อสร้างดังต่อไปนี้  คือ

  1. ถ้าเกิดความขัดแย้งกับผู้บริหารที่อยู่เหนือกว่า  ควรเลือกใช้วิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งตามลำดับดังนี้  คือ COMPROMISING,SMOOTHING 
    และ
      WITHDRAWAL  ที่ไม่ควรเลือกใช้ก็คือ CONFRONTATION  และ FORCING

  2. ถ้าเกิดความขัดแย้งกับผู้ที่อยู่เสมอกันหรือต่ำกว่าระดับตามสายการบริหาร  ควรเลือกใช้วิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งตามลำดับดังนี้  คือ
    CONFRONTATION,SMOOTHING และ COMPROMISING  ที่ไม่ควรเลือกใช้ก็คือ  FORCING  และ   WITHDRAWAL 

  3. ถ้าเกิดความขัดแย้งกับผู้ที่อยู่ต่ำกว่ามากกว่า ระดับตามสายการบริหาร  ควรเลือกใช้วิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งตามลำดับดังนี้  คือ  WITHDRAWAL,COMPROMISING  และ SMOOTHING  ที่ไม่ควรเลือกใช้ก็คือ  CONFRONTATION  และ  FORCING  

  4. แต่วิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งในงานก่อสร้างที่ผู้บริหารชอบมากที่สุดคือ การทำความเข้าใจว่างานที่กำลังทำอยู่เป็นงานที่ท้าทายความสามารถ  
    คนที่มีความเสียสละมีความอดทนและมีระเบียบวินัยสูงจึงจะทำงานนี้ได้ดีซึ่งเราหวังว่าเขาจะเป็นคนเช่นนั้น

  5. วิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งในงานก่อสร้างที่ผู้บริหารไม่ควรนำมาใช้เลยก็คือการลงโทษเพราะเป็นวิธีสร้างแรงจูงใจในการทำงานที่เลวที่สุด

009

วิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางด้านการกำหนดระยะเวลา(SCHEDULING )

ควรดำเนินการแก้ไข   ดังนี้

  1. แยกรายการงานของทั้งโครงการออกเป็นงานย่อยๆ (JOB  BREAKDOWN)

  2. ควรวางแผนงานก่อสร้างแบบ  NETWORK  ANALYSYS  ซึ่งอาจจะเป็น CPM หรือ  PRECEDENCE  หรือแบบอื่นใดก็ได้ที่แสดงให้เห็น
    ความสัมพันธ์ระหว่างงานต่างๆในโครงการก่อสร้างว่างานใดทำก่อน
      ทำหลัง  หรือทำพร้อมกับงานใดบ้าง   งานแต่ละงานใช้ระยะเวลาทำงานเท่าใด  
    เริ่มต้นเมื่อใด
      เสร็จเมื่อใด  ใช้ช่างและเครื่องจักรเครื่องมือประเภทใดบ้าง  จำนวนเท่าใด  เมื่อใด  เป็นต้น นอกจากนี้ยังจะต้องระบุด้วยว่ามีงานใดบ้าง
    ที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษมิฉะนั้นจะทำให้ระยะเวลา
    ในการดำเนินโครงการต้องล่าช้าออกไปจากกำหนดเดิม

  3. นำแผนที่กำหนดไว้นี้ไปให้หน่วยเหนือรับทราบและอนุมัติก่อนนำไปใช้เพราะถ้ามีปัญหาจะได้รับผิดชอบร่วมกัน

  4. แจ้งให้ทุกฝ่ายที่รับผิดชอบงานนั้นๆได้รับทราบและถือปฏิบัติต่อไป    

010

วิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางด้านการจัดลำดับความสำคัญของงาน (PROJECT PRIORITY)

จะต้องเลือกงานหรือโครงการที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ดำเนินการก่อนเสมอ  คือ

  1. มีความเสี่ยงทางด้านเทคนิคน้อยกว่า

  2. มีความเสี่ยงทางด้านการเงินและการแข่งขันน้อยกว่า

  3. ใกล้ถึงเวลาส่งมอบงานมากกว่า หรือ  เป็นงานที่เร่งด่วนมากกว่า

  4. ส่งงานเลยระยะเวลาที่กำหนดและถูกปรับมากกว่า

  5. ประหยัดมากกว่า  กำไรมากกว่า  ลงทุนน้อยกว่า

  6. ก่อให้เกิดผลกระทบกับเจ้าของโครงการน้อยที่สุด

  7. ก่อให้เกิดผลกระทบกับโครงการอื่นน้อยที่สุด

  8. ก่อให้เกิดผลกระทบกับโครงสร้างทางการบริหารในเครือน้อยที่สุด

011

 วิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางด้านบุคคลากร (MANPOWER)

ควรดำเนินการดังต่อไปนี้

  1. สร้างแผนความต้องการกำลังคน ระบุจำนวน ประเภท ระดับฝีมือหรือความสามารถ และ ระยะเวลาที่ต้องการ  ตลอดจนอัตราผลตอบแทน
    ที่สามารถแข่งขันกับบริษัทอื่นๆในตลาดได้

  2. กำหนดกฎเกณฑ์การสนับสนุนความก้าวหน้าในการทำงานรวมทั้งผลประโยชน์ตอบแทนและการลงโทษเมื่อทำความผิดให้ชัดเจน 
    และจะต้องแจ้งให้ทุกๆคนได้รับทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด

012

วิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางด้านเทคนิคหรือวิธีการก่อสร้าง (TECHNICAL  OPINION )

เป็นความขัดแย้งในงานก่อสร้างเพียงอย่างเดียวที่ควรสนับสนุนให้เกิดขึ้นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะจะทำให้ได้วิธีการก่อสร้างที่ประหยัด
และปลอดภัยที่สุด  วิธีการก็คือ

  1. เปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับได้แสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ว่าเราควรจะมีวิธีการก่อสร้างอย่างไรจึงจะได้งานตามความต้องการ
    ของเจ้าของงานโดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดและปลอดภัยที่สุด

  2. จะต้องกำหนดวัน เวลา ในการหาข้อสรุปให้ได้ว่าสุดท้ายแล้วเราจะเลือกวิธีการก่อสร้างแบบใดจึงจะดีที่สุด มิฉะนั้นจะหาข้อสรุปได้ไม่ทันเวลาที่ต้องการ

  3. จัดเตรียมแผนสำรองล่วงหน้าสำหรับการแก้ปัญหาในกรณีวิธีการที่ได้รับการคัดเลือกมีปัญหา  ทั้งนี้เพื่อที่จะได้ดำเนินการต่อได้ทันที

  4. ติดต่อผู้รับผิดชอบเพื่อขอทราบวงเงินและเวลาที่จะต้องใช้ถ้าต้องนำแผนสำรองมาใช้แทนแผนหลักถ้าหากมีปัญหา

013

วิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งเกี่ยวกับรูปแบบหรือวิธีการในการบริหารโครงการ (ADMINISTRATIVE PROCEDURE)

ความขัดแย้งในเรื่องนี้แท้ที่จริงลึกๆแล้วจะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของผู้ที่เกี่ยวข้องในโครงการแต่ไม่มีใครกล้าพูดออกมาตรงๆ  ดังนั้น  การแก้ไข
จะต้องไม่ลืมปัญหาสำคัญนี้เพราะไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาการลาออกของบุคคลากรหรือการกลั่นแกล้งกันโดยอาศัยงานในหน้าที่และความรับผิดชอบของ
แต่ละคนเป็นเครื่องมือ

แนวทางแก้ปัญหาควรดำเนินการดังต่อไปนี้

  1. จัดผังองค์กร (ORGANIZATION  CHART) และกำหนดรายละเอียดของแต่ละตำแหน่งในผังองค์กร ( JOB  DESCRIPTION ) ว่ามีอำนาจหน้าที่และ
    ความรับผิดชอบอย่างไร 

  2. จัดคนลงตามตำแหน่งที่ได้มีการกำหนดไว้ในผังองค์กร  และแจ้งให้ทุกคนรับทราบว่าใครมีหน้าที่อะไร  ความรับผิดชอบแค่ไหน 
    ต้องทำงานประสานกับใคร  มีใครขึ้นตรงและต้องขึ้นตรงกับใคร

  3. แจ้งให้ทุกคนทราบว่ามีงานใดบ้างในโครงการก่อสร้างที่บริษัทจะทำเองหรือที่เรียกว่า  FORCE  ACCOUNT  และงานใดจะให้ผู้รับเหมาช่วง
    หรือ 
    SUBCONTRACTOR รับไปทำ

  4. ในขั้นตอนการจัดหาผู้ดำเนินการ ( PROCUREMENT ) จะต้องกำหนดหลักเกณฑ์ให้ชัดเจน  เปิดเผย  และโปร่งใส พร้อมที่จะให้ตรวจสอบได้ตลอดเวลา 
    โดยจะต้องยึดเอาผลประโยชน์ของหน่วยงานเป็นหลัก   มิฉะนั้นแล้วผู้ที่ทำหน้าที่นี้อาจมีโอกาสที่จะเรียกผลประโยชน์ตอบแทนใต้โต๊ะจากผู้รับเหมาช่วง
    หรือจากผู้ส่งของอยู่ตลอดเวลา

014

วิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งเกี่ยวกับด้านบุคลิกภาพและนิสัยใจคอ(PERSONALITY CLASH) 

เป็นความขัดแย้งที่แก้ไขได้ยากที่สุดในปัญหาความขัดแย้งทั้งหมดเพราะเป็นปัญหาทางอารมณ์   อย่างที่ได้กล่าวมาแล้วในตอนต้นคือ
เป็นความรู้สึกไม่ชอบหน้ากันทั้งๆที่ไม่มีเคยมีอะไรทะเลาะกันเลย
   ความขัดแย้งเกี่ยวกับบุคลิกภาพนี้ส่วนใหญ่แล้วมักเกิดในสำนักงานใหญ่
มากกว่าที่จะเกิดในสำนักงานสนาม
  แนวทางแก้ไขคือการจัดให้มีกิจกรรมสันทนาการเพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสได้เข้าร่วมตามความถนัดและความสนใจของตน
เช่น
  การเล่นกีฬาร่วมกัน   การไปสังสรรค์หรือการท่องเที่ยวร่วมกันเป็นกลุ่มเล็กๆหรือการทำกิจกรรมอื่นใดที่ต้องทำร่วมกัน 
เป็นต้น

แต่อย่างไรก็ตามวิธีที่ดีที่สุดที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนสองคนหรือมากกว่าที่ดีที่สุดก็คือการวางตัวเป็นกลางไม่เข้าข้างใดข้างหนึ่ง  
และควรปล่อยให้เขาปรับตัวแก้ไขกันเอง โดยอาศัยกิจกรรมข้างต้น
 
และข้อสำคัญต้องทำให้เป็นธรรมชาติที่สุดอย่าให้ทั้งสองฝ่ายรู้ตัว
ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าคนที่ไม่ถูกกันจะหันกลับมาถูกกันได้เมื่อใด
 

015

วิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกี่ยวข้องกับราคาค่าก่อสร้าง(COST)

ความขัดแย้งเกี่ยวกับเรื่องนี้สามารถเรียกเป็นอีกอย่างได้ว่าเป็น  CONFLICT  OF INTEREST   เป็นความขัดแย้งที่แก้ได้ง่ายที่สุด
เพราะมองเห็นรูปธรรมชัดเจน  เช่น  ปูนซีเมนต์ประเภทเดียวกัน  ยี่ห้อต่างกัน   ราคาต่างกัน   เราก็ควรจะเลือกใช้ยี่ห้อที่มีราคาต่ำกว่า  
แต่ถ้าราคาเท่ากันการที่จะเลือกซื้อจากร้านค้าใดก็ต้องเถียงกันว่าร้านค้าใดจะให้ค่า 
COMMISSION หรือส่วนลดมากกว่ากัน  
แต่กระบวนการเถียงกันจะไม่พูดกันตรงๆจะอ้างเหตุผลอื่นๆแทน 

วิธีการแก้ปัญหาในเรื่องนี้ก็คือต้องทำให้กระบวนการเสนอราคาและกระบวนการพิจารณาคัดเลือกโปร่งใสพร้อมที่จะตรวจสอบได้ตลอดเวลา  เช่น 
การปิดประกาศให้ทราบกันโดยทั่วไป  เป็นต้น   แต่อย่างไรก็ตามเราไม่สามารป้องกันไม่ให้มีการรับเงินใต้โต๊ะได้เพราะถ้าเป็นความยินยอมพร้อมใจกัน
ระหว่างผู้ให้และผู้รับแล้วคนอื่นๆก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้   ที่จริงแล้วถ้าราคาที่ได้มีการซื้อขายจริงๆเป็นราคาตลาดหรือต่ำกว่าราคาตลาด
แล้วเราจะต้องยอมรับราคานี้ไม่ควรไปตั้งข้อสังเกตหรือตั้งข้อสงสัยผู้ที่ทำหน้าที่จัดซื้อจัดหาว่าจะทุจริตหรือไม่ซื่อสัตย์ 
 

016

ข้อควรพิจารณาในการประชุมเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในงานก่อสร้าง

ก่อนเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาความขัดแย้งเข้าประชุม  จะต้องพิจารณาสิ่งต่างๆต่อไปนี้และทำความเข้าใจให้รอบคอบก่อน   เพื่อประเมินความเชื่อมั่นของตนเอง

  1. มีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบในการเรียกประชุมหรือไม่
  2. มีความรู้ความสามารถมากพอที่จะแก้ปัญหานี้หรือไม่
  3. เข้าใจพื้นฐาน ,พัฒนาการ และ แรงกระตุ้นของปัญหาเหล่านั้นโดยตลอดหรือไม่ 
  4. วิเคราะห์และประเมินความน่าเชื่อถือที่ผู้ที่จะเข้าร่วมประชุมมีต่อเรา
  5. เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ที่มักจะเชื่อคำพูดของคนที่มีตำแหน่งหรืออำนาจหน้าที่มากกว่าคนที่ไม่มีตำแหน่งใดๆแม้ว่าจะพูดประโยคเดียวกัน
  6. กำหนดประเด็นปัญหาความขัดแย้งแจ้งให้ที่ประชุมทราบล่วงหน้า
  7. สนับสนุนให้ทุกฝ่ายได้พูดถึงประเด็นปัญหาความขัดแย้งตามมุมมองของแต่ละฝ่ายโดยครบถ้วน  ถ้าหาข้อสรุปยังไม่ได้อย่าไปประเด็นอื่น
  8. ขอให้ทุกฝ่ายหยุดคิดสักนิดก่อนที่จะมีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆออกไป
  9. ทำความเข้าใจว่าทุกคนมีได้และมีเสียถ้าจะหาทางออกร่วมกัน
  10. ถ้าจำเป็นต้องตำหนิต้องตำหนิที่งาน  อย่าตำหนิคน

017

ปฏิกิริยาตอบสนองทางอารมณ์เมื่อตัดสินใจแก้ปัญหาความขัดแย้งในงานก่อสร้าง

 เมื่อตัดสินใจนำวิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งไปใช้ไม่ว่าจะเลือกวิธีใดก็ตาม   ผู้ที่เราจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องจะเกิดอารมณ์และความรู้สึกต่อเรา  ดังนี้

  1. ACCEPT  คนพวกนี้จะยอมรับและเต็มใจทำตามโดยไม่ถามหรือไม่แสดงอาการอะไรเลย  ให้ทำอะไรก็ทำ  ส่วนใหญ่มักจะเป็นคนงานจากภาคอีสาน
    หรือภาคเหนือแต่คนงานภาคใต้ไม่มีนิสัยแบบนี้
  2. COOPERATE    คนพวกนี้จะแสดงความเต็มใจที่จะให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหานั้นๆโดยเปิดเผย ส่วนมากจะเป็นพวกเดียวกันหรือมีผลประโยชน์ร่วมกัน
  3. DEFENSE   คนพวกนี้จะถามบางสิ่งบางอย่างโดยละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่ต้องการให้เขาทำจะไม่กระทบต่อตำแหน่งหน้าที่และผลประโยชน์ของเขา
    จึงจะให้ความร่วมมือ
      คนพวกนี้มักจะเป็นระดับหัวหน้าที่มีการศึกษาพอสมควร
  4. HOSTILITY  คนพวกนี้จะรู้สึกรำคาญ  ไม่ชอบ  และจะแสดงอาการต่อต้าน  ไม่เห็นด้วยโดยเปิดเผยและไม่ให้ความร่วมมือไม่ว่าในกรณีใดๆแต่จะทำงานตาม
    อำนาจหน้าที่เดิมอยู่ต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ยังจะปลุกระดมฝ่ายตรงข้ามให้ร่วมกันต่อต้านเราด้วย
  5. WITHDRAWAL คนพวกนี้ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรทั้งนั้น   ไม่รับทราบปัญหาไม่ว่าจะเป็นปัญหาใดๆทั้งสิ้น  อยู่ไปวันๆ  และจะหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปมีส่วนร่วม 
    ในกระบวนการตัดสินใจใดๆที่จะแก้ปัญหานั้นๆในทุกๆกรณี

018

สรุป

 ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตามจะมีความขัดแย้งเกิดขึ้นไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่งเสมอ   ความขัดแย้งเหล่านี้จะเกิดขึ้นซ้ำซาก  จำเจ   เกิดได้กับคนทุกกลุ่มตลอดระยะเวลา
ในการดำเนินโครงการไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
    
อย่าพยายามทำตัวเป็นคนเหนือมนุษย์ที่จะทำงานไม่ให้มีความขัดแย้งเพราะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้และจะเสียเวลา
โดยเปล่าประโยชน์

ทุกครั้งที่เราคิดจะแก้ปัญหาความขัดแย้งไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดหรือด้วยวิธีการใดก็ตาม จะต้องมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเสมอ  ขอให้ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา 
พยายามทำความเข้าใจและรับฟังความคิดเห็นและการวิพากษ์วิจารณ์
 อย่าไปโต้เถียง อย่ากลัวข่าวลือและการให้ร้ายป้ายสีทั้งแบบต่อหน้าและลับหลัง จะต้องเดินหน้า
แก้ปัญหาต่อไป
 

อย่าคิดว่าการแก้ปัญหาความขัดแย้งในงานก่อสร้างจะมีวิธีการใดวิธีการหนึ่งเพียงวิธีการเดียว  บางปัญหาอาจจะต้องใช้หลายๆวิธีผสมปนเปกันไป 
และต้องไม่คิดว่าวิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งในงานก่อสร้างจะมีแต่เฉพาะที่เขียนไว้ในตำราเท่านั้น
   อาจจะมีอีกหลายๆวิธีที่ยังไม่ได้นำมาเขียนเป็นตำราเรียนก็ได้   

ขอให้ระลึกและให้กำลังใจตนเองอยู่เสมอว่าคุณค่าและความสามารถในการเป็นผู้นำทางด้านการบริหารจะวัดกันที่เมื่อเกิดวิกฤติการณ์เท่านั้น
 

019

เอกสารอ้างอิง

Mosley, Megginson  and  Pietri, “SUPERVISORY  MANAGEMENT, THE  ART  OF  WORKING  WITH  AND  THROUGH  PEOPLE
South – Western Publishing  Co., Cincinnati, Ohio. 1985.

Harold  Kerzner., “PROJECT  MANAGEMENT , A  SYSTEM  APPROACH  TO PLANNING, SCHEDULING AND CONTROLLING ”
Van  Nostrand  Reinhold , An  International  Thomson  Publishing  Company,1994

Roy  Pilcher ., “ PRINCIPLE   OF  CONSTRUCTION  MANAGEMENT ”  3 rd.  ed. 
McGraw - Hill, Publishing  Co., England, 1992.


rscelaw@yahoo.com

ปรับปรุงแก้ไข จันทร์, 26 ธันวาคม 2548 15:56:28