![]() |
ภาคีเครือข่ายผู้ตรวจการก่อสร้าง และ
ต่อต้านการทุจริตเชิงป้องกัน (ภตป.) |
|
![]() |
![]() |
ประเภทของสัญญาก่อสร้างที่ตรวจสอบการทุจริตยากที่สุด | ||
สัญญาการก่อสร้างมีหลายชนิด หลายประเภท แล้วแต่ความต้องการของเจ้าของงาน
แต่โดยทั่วไปแล้วสัญญาการก่อสร้างที่ใช้ในทางราชการจะมีอยู่เพียงไม่กี่ประเภทแต่ละประเภทมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป ตามประเภทของงานก่อสร้าง เช่น งานก่อสร้างสะพาน งานก่อสร้างเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำ งานก่อสร้างอาคาร งานก่อสร้างถนน เป็นต้น สัญญาประเภทเหมารวม (LUMP SUM OR FIXED PRICED CONTRACT) ลักษณะของสัญญาประเภทนี้นิยมใช้กันมาก คือ ผู้รับเหมาตกลงที่จะทำงานทั้งหมดที่ระบุในสัญญาในวงเงินที่คงที่จำนวนหนึ่ง ส่วนระยะเวลาของการจ่ายเงินอาจจะแบ่งเป็นงวด ๆ ตามผลงานที่แล้วเสร็จเป็นตอน ๆ ไปตามลักษณะงานที่ทำ หรือ ตามคาบเวลา เช่น 30 วัน รวมทั้งจำนวนเงินหักเก็บเอาไว้เพื่อประกันผลงาน สัญญาประเภทนี้เหมาะกับงานที่มีแบบก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ครบถ้วนทั้งแบบ รายการวัสดุที่จะใช้ พร้อมค่าแรง และ ค่าดำเนินการ ข้อดีของสัญญาประเภทนี้ เช่น ทราบงบการดำเนินการแน่นอน ได้งานครบถ้วนถูกต้องตามข้อกำหนดและแบบ สามารถตรวจสอบผลงานและการจ่ายเงินได้ง่าย และ ฯลฯ ข้อเสียของสัญญาประเภทนี้ เช่น เสียเวลารอให้แบบและข้อกำหนดเสร็จเรียบร้อยก่อนจึงจะเริ่มกระบวนการประกวดราคาได้ การเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงแก้ไขแบบทำได้ลำบาก ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบในการเสี่ยง ทำให้ราคาที่ตกลงอาจจะสูงกว่าที่ควรเป็น การแบ่งงวดจ่ายเงินตามผลงานที่แล้วเสร็จเป็นงวด ๆ นั้นทำได้ยากเพราะไม่ค่อยตรงกับข้อเท็จจริงที่ทำได้ สัญญาประเภทราคาต่อหน่วย (UNIT PRICE CONTRACT) เป็นสัญญาที่คิดค่าใช้จ่ายเป็นราคาต่อหน่วยงานที่ทำได้จริงทั้งนี้เพื่อให้การจ่ายเงินเป็นไปโดยง่ายใกล้เคียงปริมาณงานที่ทำได้จริงมากที่สุด โดยที่ราคาต่อหน่วยจะไม่เปลี่ยนแปลงแต่จำนวนหน่วยงานที่ทำได้อาจเปลี่ยนแปลงได้ ข้อที่ควรจะระวังของสัญญาการก่อสร้างประเภทนี้ก็คือ เกณฑ์การวัด (METHOD OF MEASUREMENT) ปริมาณงานที่ทำได้จริงในสนาม จะต้องกำหนดไว้ให้ชัดเจนก่อนที่จะทำสัญญากันว่าจะวัดอย่างไร เช่น การวัดปริมาณคอนกรีตที่ใช้ต้องตกลงกันว่าจะวัดที่ใด จะวัดจากจำนวนที่รถส่งปูนมาส่ง หรือ จะวัดจากแบบเฉพาะที่เทได้จริง เพราะปริมาณวัสดุที่ใช้จะไม่เท่ากัน เป็นต้น ข้อดีของสัญญาแบบราคาต่อหน่วย เช่น สามารถเริ่มทำงานได้โดยไม่จำเป็นต้องรู้ปริมาณงานที่แน่นอน การจ่ายเงินคืนแก่ผู้รับจ้างจะใกล้เคียงกับผลงานที่ทำได้จริงการเพิ่มลดปริมาณงานทำได้ง่าย ข้อเสียของสัญญาแบบราคาต่อหน่วย เช่น งบประมาณการดำเนินการอาจคลาดเคลื่อนได้ หากคำนวณปริมาณงานก่อนทำสัญญาผิดพลาด อาจมีผลทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นโดยไม่สมควร และ หากรายการก่อสร้างต่าง ๆ ที่ปรากฏในตารางปริมาณและราคา ไม่ครอบคลุมครบถ้วนตามแบบ จะทำให้มีปัญหาในการตกลงราคากันใหม่ และต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายมากขึ้น นอกจากนี้ยังจะเสียเวลาในการตรวจสอบผลงานที่ทำได้จริง อาจจะต้องใช้ผู้ควบคุมงานที่มีความรับผิดชอบสูงอีกด้วย สัญญาประเภทคิดค่าใช้จ่ายจริงบวกค่าป่วยการ (COST PLUS FIXED FEE CONTRACT) ลักษณะของสัญญาก่อสร้างประเภทนี้ก็คือผู้รับเหมาตกลงที่จะทำงานทั้งหมดตามที่ระบุในสัญญา โดยจะเบิกเงินคืนตามที่ได้จ่ายไปจริงในระหว่างการก่อสร้าง บวกกับเงินค่าป่วยการที่คงที่อีกจำนวนหนึ่งตามที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้า สัญญาแบบนี้เหมาะกับงานที่เจ้าของงานต้องการให้งานเสร็จในเวลาอันสั้นในวงเงินที่จำกัดไว้ ข้อดีของสัญญาแบบนี้ เช่น สามารถทำสัญญาหรือเริ่มงานได้โดยไม่ต้องมีแบบละเอียดที่สมบูรณ์ ผู้รับเหมาจะช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าก่อสร้างเพราะไม่ว่าค่าใช้จ่ายจะเป็นเท่าใดก็ตามผู้รับเหมาจะได้ค่าป่วยการเท่าเดิม ส่วนค่าดำเนินการที่ประหยัดได้จะเป็นของเข้าของงานทั้งหมด ข้อเสียของสัญญาประเภทนี้ เช่น งบประมาณจะคลาดเคลื่อนมากเพราะไม่รู้ว่าจริงๆมีมูลค่าเท่าใด เจ้าของงานต้องควบคุมค่าใช้จ่ายโดยเข้มงวดทุกขั้นตอนตั้งแต่การสั่งซื้อวัสดุ การเบิกจ่ายวัสดุไปใช้ วิธีการนำวัสดุไปใช้จะต้องประหยัดไม่สิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น ค่าก่อสร้างจะไม่ถูกใช้อย่างมีประโยชน์โดยแท้จริงเพราะผู้รับเหมาจะไม่ช่วยประหยัด ผู้รับเหมาต้องเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบสูง ซื่อตรง ไม่หารายได้จากร้านค้าที่สั่งวัสดุ เช่น ถ้าสั่งของมากจะได้ส่วนแบ่งมาก เป็นต้น สัญญาประเภทคิดค่าใช้จ่ายทั้งหมดบวกเงินเพิ่มพิเศษ(COST PLUS WITH GUARANTEED MAXIMUM AND INCENTIVE) ลักษณะสัญญาประเภทนี้ คือ ผู้รับเหมาตกลงที่จะทำงานทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในสัญญาในวงเงินจำนวนหนึ่งก่อน แต่ผู้รับจ้างอาจจะเปลี่ยนแปลงวิธีการก่อสร้าง โดยไม่ทำให้เจ้าของงานเสียผลประโยชน์ ส่วนกำไรหรือขาดทุนที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงนั้น ต้องนำมาเฉลี่ยกันทั้งสองฝ่ายตามข้อตกลง เจ้าของงานอาจให้ผู้รับจ้างระบุด้วยว่า ค่าจ้างสูงสุดจะเป็นเท่าใดตลอดระยะเวลาโครงการ และ ผู้รับจ้างอาจให้เจ้าของงานระบุด้วยว่า ผู้รับจ้างจะได้เงินเท่าใดเมื่อทำงานได้เสร็จภายในเวลาที่กำหนดแล้ว ค่าใช้จ่ายต่ำกว่าที่ได้ประมาณการไว้ ข้อดีของสัญญาประเภทนี้ เช่น สามารถทำสัญญาได้ทันทีโดยไม่ต้องมีแบบรายละเอียดมากนักสามารถออกแบบไป สร้างไป แก้แบบไปด้วยก็ได้ เจ้าของงานมีสิทธิในการแก้ไขแบบมากขึ้นและตลอดเวลาในระหว่างการก่อสร้าง เจ้าของงานและผู้รับเหมาไม่ต้องทะเลาะหรือโต้เถียงกันมากนัก ส่วนข้อเสียของสัญญาประเภทนี้ เช่น เจ้าของงานต้องควบคุมค่าใช้จ่ายโดยเข้มงวดมิฉะนั้นงบประมาณจะบานปลายมาก ค่าใช้จ่ายที่ต้องร่วมกันรับผิดชอบทั้ง 2 ฝ่าย จะยุ่งยากในการตรวจสอบว่ามีทีมาอย่างไร มีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด สัญญาประเภทมีรางวัลตอบแทนและเสียค่าปรับ (BONUS/PENALTY,TIME AND CONPLETION) ลักษณะของสัญญาประเภทนี้ก็คือจะกำหนดค่าก่อสร้างและเวลาแล้วเสร็จที่แน่นอน โดยมีเงื่อนไขว่า ถ้าเสร็จก่อนหรือหลังเวลาที่ตกลงกันไว้ จะมีการให้รางวัลตอบแทนหรือปรับแล้วแต่กรณี และถ้าสามารถหาประโยชน์จากการที่เร่งงานให้เสร็จเร็วขึ้นจะต้องนำผลประโยชน์ส่วนนั้นมาแบ่งกันด้วย เป็นต้น เช่น การก่อสร้างห้างสรรพสินค้า ฯ ข้อดีของสัญญาประเภทนี้ เช่น เป็นการกระตุ้นให้ผู้รับเหมาทำงานโดยเร็วภายใต้การควบคุมที่ดีจะทำให้ประหยัดเวลาในการออกแบบและก่อสร้างซึ่งอาจจะได้ใช้ประโยชน์เร็วขึ้น ส่วนข้อเสียของสัญญาประเภทนี้ เช่น เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของงานแตกต่างไปจากเดิมที่ตกลงกันไว้ อาจจะมีข้อถกเถียงเรื่องเวลาและค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างที่เปลี่ยนแปลงไปว่าใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ สัญญาประเภทออกแบบ ก่อสร้าง และ จัดหาทุนให้ด้วย TURN KEY หรือ DESIGN AND CONSTRUCT CONTRACT ลักษณะของสัญญาประเภทนี้ คือ ผู้รับเหมาที่ได้รับการคัดเลือกจะเป็นผู้ดำเนินการออกแบบ ก่อสร้าง และจัดหาทุนดำเนินการให้เองทั้งหมด แลกกับการได้รับสัมปทานสิ่งที่ก่อสร้างภายในระยะเวลาที่กำหนด เช่น 30 ปี เป็นต้น สัญญาแบบนี้เหมาะกับโครงการของรัฐบาลที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง รัฐบาลไม่มีเงินที่จะดำเนินการเอง แต่มีความจำเป็นต้องก่อสร้างเพื่อบริการประชาชน เช่น โครงการทางด่วน รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน เป็นต้น ข้อดีของสัญญาประเภทนี้ เช่น สามารถเริ่มงานได้ทันที รัฐไม่ต้องลงทุนก่อน ประชาชนได้ประโยชน์จากการได้ใช้งานเร็วขึ้น ข้อเสียของสัญญาประเภทนี้ เช่น มีราคาแพงมากเพระต้องเพิ่มค่าเสี่ยงภัยสูงมาก เช่น อัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย สถานการณ์ทางการเมือง สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ เป็นต้น และเป็นช่องทางให้เกิดการทุจริตได้ง่ายเพราะจะเพิ่มค่าก่อสร้างเข้าไปเท่าใดก็ได้ สัญญาประเภทแบ่งออกเป็นส่วนย่อยๆหลายๆส่วน ( Divided Contract ) มักนำมาใช้กับงานก่อสร้างถนนซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นช่วงๆได้ แต่งานอาคารไม่ค่อยนิยมแม้ว่าในงานอาคารจะมีช่างหลากหลายประเภทมากกว่า ข้อดีของสัญญาแบบนี้ เช่น สามารถตัดผู้รับเหมาหลักออกไปได้ ไม่ให้เอางานไปขายให้ผู้รับเหมาช่วงอีกทอดหนึ่งซึ่งงบประมาณจะหายไปบางส่วน ผู้รับเหมาแต่ละช่วงของสัญญาจะได้งบประมาณงานค่าก่อสร้างเต็มตามสัญญา ป้องกันการสมยอมราคากันได้อีกวิธีหนึ่ง บริษัทเล็กๆสามารถเข้าแข่งขันประมูลงานแข่งกับบริษัทใหญ่ๆได้ ข้อเสียของสัญญาประเภทนี้ เช่น มักจะมีปัญหาตรงรอยต่อของสัญญาแต่ละสัญญามักจะเกี่ยงกันว่าใครจะทำ เช่น ตรงช่วงรอยต่อของถนนแต่ละช่วงมักจะมีปัญหาในการบดอัด เพราะจะไม่มีการบดอัดถนนข้ามไปอีกสัญญาหนึ่งถ้าหากว่าตกลงกันค่าใช้จ่ายกันไม่ได้ การควบคุมงานจะยุ่งยากเพราะต้องใช้คนควบคุมงานมากตามสัญญาในกรณีที่มีการก่อสร้างพร้อมกัน ต้องใช้ที่ปรึกษาควบคุมงานที่มีความเชี่ยวชาญและความชำนาญสูงซึ่งมีราคาค่าจ้างสูงตามไปด้วย |
||
example of structure of contract
chart of AOT/AAT รองศาสตราจารย์รังสรรค์ วงษ์บุญ วันที่ 7 มิถุนายน 2556 |
||
rangsonw@gmail.com ;
www.facebook.com/rangsonw
;
www.twitter.com/rangsonw
All materials on this website is copyright and may not be republished in any form without written permission.
ปรับปรุงแก้ไข ศุกร์, 07 มิถุนายน 2556 08:18:33